อาหารเสริม
ทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมากมาย มีขายตามท้องตลาด ขายตามโซเชี่ยวล์ ต่างก็แสดงสรรพคุณของอาหารเสริม เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกินแล้วผิว กินแล้วน้ำหนักลด เป็นต้น เราต่างก็รู้แค่ว่ากินอาหารเสริมแล้วร่างกายจะดี ผิวขาวโอโม่ น้ำหนักลด ไม่ทานอาหารเลย หรือทานน้อยมาก แต่หารู้ไม่ว่าอาหารเสริมเหล่านี้เมื่อรับประทานเข้าไปมาก หรือเกินกว่าค่าที่กำหนด อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น เป็นโรคมะเร็ง เป็นโรคนิ่ว เป็นโรคเก๊าท์ แต่โรคที่เราไม่จากพบเจอ คือโรคมะเร็งฝักผลไม้ เป็น อาหารเสริม สมุนไพร |
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดใดบ้างเมื่อทานเกินขนาดแล้วมีผลต่อการเกิดโรคมะเร็ง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเหล่านี้เมื่อเราทานมากเกินต่อวัน จะมีความเสี่ยงสูงมาก
- อาหารเสริมวิตามินซี หากทานเกิน 1000 มิลลิกรัมต่อวัน จะเสี่ยงสูงมาก
- อาหารเสริมแคลเซี่ยม หากทานเกิน 1500 มิลลิกรัมต่อวัน
- อาหารเสริมธาตุเหล็ก หากทานเกิน 17 มิลลิกรัมต่อวัน
วิตามินซี ช่วยอะไรได้บ้าง เป็นคำถามยอดฮิต วิตามินซีช่วย สร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ วิตามินซีช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี วิตามินซีมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
แคลเซียมช่วยอะไรได้บ้าง
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกเสื่อมและกระดูกหัก
- ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ
- มีส่วนช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ
- ช่วยเผาผลาญธาตุเหล็กในร่างกาย
- ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็ก
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกน่วม
- ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน
- ช่วยป้องกันอาการกระดูกหักง่ายในวัยสูงอายุ
- ช่วยเรื่องระบบประสาท โดยเฉพาะการส่งต่อสัญญาณประสาท โรคจากการขาดแคลเซียม
หมายเหตุ ผลเสียของการรับประทานแคลเซียมมากเกินขนาด หากรับประทานมากกว่า 2,500 มิลลิกรัม ต่อวัน อาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงได้ มีอาการท้องผูก และเพิ่มความเสี่ยงของนิ่วในไตและการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ โดยศัตรูของแคลเซียม ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีไขมัน อาหารที่มีกรดออกซาลิก (เช่นช็อกโกแลต ผักขม ผักบีต) และกรดไฟติก ในปริมาณมากจะขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียมในร่างกาย
แคลเซี่ยมถ้าได้รับในปริมณที่พอเหมาะสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ แต่ถ้าร่างกายได้รับแคลเซี่ยมมากเกินก็ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้เช่นกัน ดั่งที่ผู้ที่เป็นมะเร็งอยู่แล้ว เช่น มะเร็งปอด มะเร็งไต มะเร็งรังไข่จะสร้างโปรตีนเหมือนฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมพาราไทรอยด์ ทำให้แคลเซี่ยมในเลือดสูง นอกจากนั้นแคลเซี่ยมยังอาจจะแพร่กระจายไปที่กระดูกทำให้แคลเซี่ยมในเลือดสูง
ธาตุเหล็ก ถ้าร่างกายรับธาตุเหล็กมากเกินไป คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า ทุกครั้งที่ได้รับเลือดผู้ป่วยจะได้รับเหล็ก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง เหล็กจะเริ่มสะสมภายในร่างกาย หลังจากได้รับการถ่ายเลือดประมาณ 10 ครั้ง เนื่องจากร่างกายไม่มีกลไกในการขับเหล็กออกได้ เหล็กที่รับเข้าไปเพิ่มจากการรับเลือดก็จะสะสมอยู่ในร่างกาย จนเมื่อมีระดับที่สูงเกินไป ก็จะเป็นอันตรายต่ออวัยวะต่างๆได้ เพราะเหล็กจะเข้าไปสะสมอยู่ในอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ ตับอ่อน เป็นต้น และอาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพขึ้น แม้จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บป่วย แต่มีอันตรายต่อร่างกายเมื่อเวลาผ่านไป
มาดูข้อมูลจากการวิจัย ถ้ากิน อาหารเสริม มากเกินไปจะเป็นอย่างไรบ้าง ผลการวิจัยซึ่งจัดทำขึ้นโดยวิทยาลัยสาธารณสุขศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ในเมืองบอสตัน สหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยออสโล ของนอร์เวย์ ฉบับนี้ ไม่ใช่งานวิจัยชิ้นแรกที่ชี้ให้เห็นถึงภัยอันตรายของการบริโภควิตามินเสริมมากเกินควร
มีการประมาณการว่า ประชากรผู้ใหญ่เกือบหนึ่งในสี่ของสหราชอาณาจักร รับประทานอาหารเสริม หรือวิตามินรวมที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นประจำ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยป้องกันพวกเขาไม่ให้เจ็บป่วยจากโรคหัวใจและมะเร็ง จึงทำให้ตลาดสินค้าเหล่านี้สามารถทำรายได้สูงถึงราว 500 ล้านปอนด์ต่อปี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิตามินความเข้มข้นสูงกำลังได้รับความนิยม และที่คนหันมารับประทานในปริมาณมากขึ้นก็เนื่องจากพวกเขาคิดว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพ โดยตัวอย่างของกรณีนี้คือ ตอนนี้ร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพพากันวางขายวิตามินซีขนาดเม็ดละ 1,000 มิลลิกรัม ทั้งที่ร่างกายของคนเรานั้นต้องการเพียง 40 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น ก็เพียงพอที่จะช่วยบำรุงเซลล์ให้แข็งแรง และช่วยฟื้นฟูร่างกายจากอาการเจ็บป่วย
นอกจากนี้ผู้ที่บริโภคสารต้านอนุมูลอิสระในรูปวิตามินเสริมในปริมาณมากที่สุดนั้น เสี่ยงเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดลุกลาม ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ลุกลามจากต่อมลูกหมากไปยังอวัยวะใกล้เคียงอื่นๆ อย่างรวดเร็ว และทำให้มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก
ทั้งนี้ คณะนักวิจัยกลุ่มนี้ได้ระบุในรายงานบับหนึ่งว่า “การบริโภคสารต้านอนุมูลอิสระในรูปของอาหารเสริมในปริมาณมากนั้น มีส่วนทำให้ผู้ชายเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดร้ายแรงถึงตาย และชนิดลุกลามเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยหลัก คือ วิตามินซี และการค้นพบครั้งนี้ควรได้รับการศึกษาลงลึกในรายละเอียดต่อไป”
แม้กระนั้น พวกเขาก็ได้เน้นย้ำว่า ต้องมีการศึกษาเรื่องนี้ให้มากขึ้น และพวกเขายังไม่สามารถฟันธงได้ว่าวิตามินเสริมแบบเม็ดคือสาเหตุของโรคมะเร็งที่แท้จริง
มีความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งอาจจะรู้สึกไม่สบายมานานหลายเดือน ก่อนที่จะตรวจพบว่าตนเองเป็นมะเร็ง ทำให้เขารับประทานวิตามินเสริมในปริมาณมากขึ้น เพื่อป้องกันอาการต่างๆ อย่างความรู้สึกอ่อนเพลีย
ทางด้าน ดร.แคร์รี รักซ์ตัน จากสำนักงานข้อมูลด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากบรรดาผู้ผลิตอาหารเสริมได้โต้แย้งว่า “เป็นไปได้อย่างแน่นอนว่าคนกลุ่มนี้แสดงอาการที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมาก และรู้สึกอ่อนเพลีย ก่อนตรวจพบโรคเป็นเวลานานหลายเดือน แล้วโรคมะเร็งก็ไม่เกี่ยวข้องกับอาหารเสริมเลย”
เรามาหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ด้วยสมุนไพร
ทางเลือกของผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำเร็จรูป และเพื่อสุขภาพ โดยการเลือกอาหารสมุนไพรแทน โดยพืชผักสมุนไพรสามารถหาได้ง่ายตามบ้าน ตามตลาด หรือปลูกเอง
สมุนไพรที่มีสารอาหารแคลเซี่ยม เช่น ใบชะพลู ใบบัวบก ยอดกระ ทิน ยอดสะเดา ยอดขี้เหล็ก ยอดตำลึง ผักกระเฉด ใบโหระพา ยอดแค คะน้า มะเขือ พวง ใบเตย เป็นต้น
สมุนไพรที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม มะขามป้อม มะขามเทศ ฝรั่ง กีวี ลิ้นจี่ มะละกอสุก สตรอว์เบอร์รี่ เงาะส้มโอ พุธรา เป็นต้น
สมุนไพรที่มีธุาติหล็ก เช่น ผักกูด ถั่วฝักยาว ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกระเพรา มะกอก กะถิน งาดำ
ถ้าเรารูจักดูแลสุขภาพเราก็ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริม เราสามารถหาอาหารเสริมได้จากพวกผักผลไม้ต่างๆ ซึ่งสารอาหาร วิตามินซี แคลเซี่ยม ธาตุเหล็ก มีอยู่ในอาหารที่เราทานเข้าไป การทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกายจะมีผลเสียมากกว่าผลดี
สิ่งน่าสนใจของเรา
ที่มาข้อมูล manager , www.it-gateways.co
0รู้ทันโรคมะเร็ง ป้องกันด้วยสมุนไพรไทย