โยเกิร์ต (Yogurt)
ทาน โยเกิร์ต (Yogurt) ป้องกันมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว ชนิดใหนหรือว่าแบบใหนก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่ให้คุณค่าทางอาหารที่ไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะในโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวนั้นมีแบคทีเรียและจุลินทรีย์ชั้นดี และมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราไม่น้อยเลยที่เดียวโยเกิร์ต (Yogurt) ในถ้วย Image: https://en.wikipedia.org/wiki/Yogurt |
แม้ว่าเราไม่ได้เป็นมะเร็ง เราก็ควรทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยววันละ 1 แก้ว หรือ 1 ขวด เพื่อป้องกันร่างกายของเราให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ เพราะการทานโยเกิร์ตเป็นประจำจะช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและแน่นอนว่าหากเราขับถ่ายเป็นเวลา เราก็จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสารพิษตกค้างในร่างกาย ในลำไส้ ซึ่งสารพิษเหล่านี้เมื่อสะสม ก็อาจจะกลายเป็นเชื้อมะเร็งไปในที่สุด
ที่มา ของ โยเกิร์ต: โยเกิร์ตเป็นอาหารของชนเผ่าทราเซียน อันเป็นบรรพบุรุษเก่าแก่ที่สุดของชาวบัลแกเรีย ชาวทราเซียนเก่งในการเลี้ยงแกะ
คำว่า Yog ในภาษาทราเซียน แปลว่า หนาหรือข้น ส่วน Urt แปลว่า น้ำนม คำ Yoghurt น่าจะได้มาจากการสมาสของคำทั้งสองข้างต้น
ในยุคโบราณราวศตวรรษที่ 4 ถึง 6 ก่อนคริสตกาล ชาวทราเซียนมีวิธีการเก็บรักษาน้ำนมไว้ในถุง ที่ทำจากหนังแกะ เวลาไปไหนต่อไหนก็เอาถุงนี้คาดเอวไว้ ความอบอุ่นจากร่างกายร่วมกับจุลชีพที่มีอยู่ในหนังแกะ ช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการหมักขึ้น น้ำนมในถุงก็กลายสภาพเป็นโยเกิร์ตไป
ประโยชน์ของ โยเกิร์ต (Yogurt)
- ให้คุณค่าทางอาหารดีกว่านมสด
- ให้โปรตีน เคซีน โปรตีนตัวนี้ ร่างกายสามารถย่อยสะลายได้ว่ายกว่า
- ป้องกันโรค รำมะนาดในปาก
- แบคทีเรียในโยเกิร์ต ช่วยทำลายแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ที่ไม่ดีต่อร่างกาย และช่วยให้แบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายผ่านไปยังลำไส้ได้
- เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ช่วยการดูดซึม แคลเซียม และวิตามินบี
- หลังจากติดเชื้อในช่องท้อง และรักษาแล้ว ให้ทานโยเกิร์ต เพื่อที่จะทำลายเชื้อโรคในช่องท้อง
- ช่วยลดระดับคอลเสลเตอรอล ทั้งนี้เชื้อจุลินทรีย์สามารถดักจับคอลเลสเตอรอล
การเลือกทายโยเกิร์ตให้ได้ผล
- โยเกิร์ตที่ดีที่สุด คือ โยเกิร์ตที่ได้จากธรรมชาติ ปราศจากน้ำตาล คือ มีแต่น้ำนมกับเชื้อจุลินทรีย์
- โยเกิร์ต ต้องไม่ผ่านความร้อน เพราะถ้า นำโยเกิร์ตไปต้มจะทำให้เชื้อจุลินทรีย์ตาย
โยเกิร์ต สามารถต้านสารก่อมะเร็ง
ต้านสารก่อมะเร็ง แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสสามารถจับกับสารก่อมะเร็ง ทำให้สารดังกล่าวไม่สามารถทำอันตรายกับเซลล์ร่างกายได้อีก และ Lactobacillus bulgaricus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่นิยมเติมในโยเกิร์ตนั้นมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งได้ดี นอกจากนี้แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสยังสามารถจับโลหะหนักและกรดน้ำดีซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งได้ ตลอดจนสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ผลิตสารไนเตรต (ไนเตรตเป็นสารก่อมะเร็งชนิดหนึ่ง) และแบคทีเรียแลคโตบาซิลัสยังทำปฏิกิริยากับสารฟลาโวนอยด์ทำให้เกิดสารธรรมชาติที่สามารถต้านมะเร็งได้ดี
การรับประทาน โยเกิร์ต จะต้องทานให้ได้ปริมาณที่มากพอ เพื่อที่จะทำให้ได้จำนวนแบคทีเรียที่สามารถต่อสู้กับแบคทีเรียที่ไม่ดีต่อร่างกาย
0รู้ทันโรคมะเร็ง ป้องกันด้วยสมุนไพรไทย